“ทรัมป์” ประกาศ สหรัฐฯ จะนองเลือด! หากทรัมป์แพ้เลือกตั้ง
ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขณะกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
แม้จะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้จะเป็นการรีแมตช์ระหว่าง โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างสามารถกวาดชัยชนะไปได้แทบทั้งหมดในศึก Super Tuesday และการเลือกตั้งขั้นต้นครั้งล่าสุดใน 4 รัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนได้รับจำนวนผู้แทนลงคะแนนเพียงพอในการเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนพรรคแล้ว
แต่การเลือกตั้งขั้นต้นยังคงดำเนินต่อไป โดยในวันนี้ช่วงเย็นตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ จะมีอีก 4 รัฐที่จัดการเลือกตั้งขั้นต้น นั่นคือแอริโซนา ฟลอริดา อิลลินอยส์ แคนซัส และโอไฮโอ นี่จึงทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้าหาเสียงอย่างแข็งขันเพื่อระดมเสียงสนับสนุนเพิ่มและหาเสียงเผื่อไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายปีนี้
การกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันที่เอาชนะทรัมป์ไปได้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 ทำให้ทรัมป์เลือกใช้ถ้อยคำปราศรัยดุเดือดเผ็ดร้อนในการหาเสียงหลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวโจมตีนโยบายของรัฐบาลพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะนโยบายผู้อพยพที่เป็นวาระสำคัญของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ หรือกระทั่งโจมตีไปที่คุณสมบัติส่วนตัวของประธานาธิบดีไบเดนเอง
อย่างไรก็ตาม การหาเสียงครั้งล่าสุดของทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง โดยในระหว่างการปราศรัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งโอไฮโอถือเป็นหนึ่งในรัฐที่เรียกว่า Rust Belt หรืออดีตรัฐอุตสาหกรรมหนักที่เผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน ทรัมป์ก็ได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าคำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม
หากเขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง เขาจะตั้งกำแพงภาษีร้อยละ 100 ในการนำเข้ารถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้จีนที่มีแผนจะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเม็กซิโก ส่งออกรถเข้ามาขายในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำปราศรัยของทรัมป์ที่สร้างความตื่นตระหนกอย่างมากคือ การที่เขาระบุว่า “หากเขาไม่ได้รับเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะต้องเผชิญกับการนองเลือดทั่วประเทศ” หรือที่ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘Bloodbath’ ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า หากเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ต่อไปอีกหรือไม่
คำปราศรัยของทรัมป์สร้างความตกใจและความกังวลอย่างมาก เนื่องจากคำว่านองเลือดมีนัยยะที่สื่อถึงการใช้ความรุนแรง และอาจนำไปสู่การยุยงปลุกปั่นในหมู่ผู้สนับสนุนของทรัมป์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์เคยมีประวัติที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุก่อจลาจลบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ระหว่างกระบวนการรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะ และถูกรัฐบาลกลางฟ้องในข้อหาพยายามล้มผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น
นี่จึงทำให้ เจมส์ ซิงเกอร์ โฆษกประจำทีมหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีไบเดนออกมาระบุผ่านแถลงการณ์เกี่ยวกับถ้อยคำปราศรัยของทรัมป์ว่านี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนแบบไหน พร้อมระบุว่าทรัมป์ต้องการให้เกิดเหตุแบบวันที่ 6 มกราคม 2021 อีกครั้ง แต่ชาวอเมริกันจะยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้แก่ทรัมป์ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เพราะต้องการปฏิเสธความคิดสุดโต่งและความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งออกมาปกป้องทรัมป์ หนึ่งในนั้นคือ บิล แคสซิดี วุฒิสมาชิกรัฐลุยเซียนา ซึ่งที่จริงแล้ววิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์มาตลอด เขาได้ให้สัมภาษณ์ต่อรายการ Meet the Press ของสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า คำว่า ‘นองเลือด’ ที่ทรัมป์หยิบยกขึ้นมานั้น สื่อถึงหายนะทางเศรษฐกิจมากกว่า หากพิจารณาจากบริบทว่าทรัมป์กำลังกล่าวถึงอุตสาหกรรมยานยนต์
ขณะที่ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีในสมัยทรัมป์ ซึ่งเพิ่งออกมาปฏิเสธที่จะรับรองทรัมป์ให้เป็นตัวแทนพรรค ก็ออกมาระบุไปในทิศทางเดียวกันในรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า คำว่านองเลือดของทรัมป์หมายถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจต่ออุตสาหกรรมยานยนต์
ส่วนทรัมป์เอง หลังจากที่คำปราศรัยกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสหรัฐฯ อย่างกว้างขวาง เขาก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Truth Social เมื่อวานนี้ โดยระบุว่าสื่อและฝ่ายเดโมแครตกำลังบิดเบือนเจตนาในการใช้คำว่า ‘นองเลือด’ ของเขา ที่ต้องการจะสื่อว่า นโยบายนำเข้าของรัฐบาลไบเดนกำลังฆ่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ ต่างหาก
คำถามคือ คำปราศรัยของทรัมป์น่ากังวลแค่ไหนกันแน่ โดยเฉพาะในบรรยากาศการเมืองสหรัฐฯ ที่การแตกแยกแบ่งขั้วทางการเมืองระหว่างฝ่ายเสรีนิยมและฝ่ายขวาสุดโต่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปทุกขณะ
ผู้เชี่ยวชาญประเมิน คำปราศรัย ‘นองเลือด’ น่ากังวลแค่ไหน
ด้าน เบรนแดน ไนแฮน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ วิทยาลัยดาร์ตมัธ วิเคราะห์การใช้คำว่า ‘นองเลือด’ ของทรัมป์ ว่า ไม่สามารถพิจารณาโดยแยกออกมาจากบริบทที่ทรัมป์กล่าวได้ ซึ่งก็คืออุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือ คำพูดของทรัมป์มักจุดประกายให้เกิดความรุนแรงหลายครั้ง เนื่องจากผู้สนับสนุนทรัมป์มักจะตีความสิ่งที่ทรัมป์กล่าวอย่างจริงจังและตรงไปตรงมา เหตุการณ์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ เหตุบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
ขณะเดียวกัน อีกสิ่งที่หลายฝ่ายจับตามองคือมรสุมคดีความของทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งต่างๆ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงที่ทรัมป์ตกแต่งข้อมูลและโกหกมูลค่าทรัพย์สินของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ของตนเองเพื่อให้สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินและบริษัทประกันได้มากขึ้น
ทนายเผย ทรัมป์ยังหาเงินวางหลักประกันคดีฉ้อโกงไม่ได้
หลังจากที่ไต่สวนคดีดังกล่าวอย่างเข้มข้นตลอดช่วงปลายปีที่แล้ว ศาลนครนิวยอร์กได้ออกคำพิพากษาเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยสั่งให้ทรัมป์และจำเลยร่วมต้องจ่ายค่าปรับมูลค่า 464 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 หมื่น 6 พัน 7 ร้อยล้านบาท เนื่องจากมีความผิดตามข้อหา ทรัมป์ต้องการยื่นอุทธรณ์คดีนี้ จึงต้องหาเงินสดมาจ่ายหรือวางหลักประกันเป็นมูลค่า 454 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1 หมื่น 6 พัน 3 ร้อยล้านบาท เพื่อไม่ให้ทรัพย์สินถูกอายัดระหว่างดำเนินการยื่นคำร้อง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทนายของทรัมป์ได้ออกมายื่นเอกสารต่อศาลอุทธรณ์ของรัฐนิวยอร์ก โดยร้องขอให้ชะลอการบังคับใช้คำพิพากษาออกไปก่อน เนื่องจากทรัมป์ยังไม่สามารถหาเงินมาวางหลักประกันได้ครบจำนวน ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากเกินไปจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหามาได้ทันเวลา
และขณะนี้ทรัมป์กำลังติดต่อบริการค้ำประกันราว 30 แห่ง เพื่อใช้ในการวางหลักประกัน สำหรับเส้นตาย ศาลรัฐนิวยอร์กได้กำหนดไว้ว่าต้องวางหลักประกันภายในวันที่ 25 มีนาคมนี้ นั่นก็คือสัปดาห์หน้า หากทรัมป์ยื่นอุทธรณ์และแพ้ในการตัดสิน รวมถึงไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ บริษัทค้ำประกันจะเป็นผู้ที่ต้องจ่ายค่าปรับแทนทรัมป์
รู้จัก “รยูจุนยอล” นักแสดงมากความสามารถ หนุ่มผู้ครองหัวใจสาวฮันโซฮี
ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก แฉ! เส้นทางการเงิน “นายพล ต.-ครอบครัว”โยงเว็บพนัน BNK
เริ่มแล้ว! พายุฤดูร้อนถล่มหนัก! ฝนตก-ลูกเห็บตก บ้านเรือนเสียหายเพียบ