สื่อตะวันตก เผยรัสเซียยิงโฆษณาออนไลน์ ชวนชาวคาซัคสถาน ไปรบ
ล่าสุดทางการยูเครนเผยว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธ 2 ลูกโจมตีอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในแคว้นโดเนสตก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน จนมีผู้เสียชีวิต 8 คน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นที่ใจกลางเมืองโปครอฟสก์ เมืองเล็กๆ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือในแคว้นโดเนตสก์ ภาคตะวันออกของยูเครนหลังจากถูกโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดในช่วงกลางคืน
อาคารที่ถูกโจมตีได้รับความเสียหายอย่างหนักจนมีเศษซากอาคารบางส่วนพังทลายกระจายอยู่เต็มพื้น ควันไฟจากขีปนาวุธยังคงลอยคลุ้งอยู่ในพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
รัสเซียออกแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์เล่มใหม่ ยกย่องการรุกรานยูเครน
ยูเครนจับสายข่าวรัสเซีย วางแผนลอบสังหาร “เซเลนสกี”
อิฮอร์ คลีเมนโก รัฐมนนตรีกระทรวงมหาดไทยของยูเครนได้ออกมาระบุผ่านเทเลแกรมว่า นี่เป็นการใช้ขีปนาวุธโจมตีของรัสเซีย ซึ่งโจมตีโดนอาคารที่พักอาศัยของพลเรือนจนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นพลเรือนจำนวน 5 ราย
โดยรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธโจมตีรวม 2 ระลอก ระลอกแรกคร่าชีวิตพลเรือนไป 4 ราย ส่วนระลอกที่สองมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกู้ภัยฉุกเฉินเสียชีวิตจากการโจมตี 1 ราย ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บตอนนี้อยู่ที่ 31 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ สมาชิกสภาประจำเมือง แต่ส่วนมากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นพลเรือน
การโจมตีสองระลอกห่างจากระลอกแรกประมาณ 40 นาที และมีพลเรือนอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ขณะที่ขีปนาวุธโจมตีมายังอาคาร พลเรือนยูเครนรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์และรอดชีวิตจากการโจมตีได้เล่าถึงวินาทีที่เกิดเหตุ
นอกจากอาคารที่พักอาศัยของพลเรือนแล้ว พาฟโล ครีเลนโก ผู้ว่าราชการแคว้นโดเนตสก์ยังระบุอีกว่าอาคารอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีระลอกนี้ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และอาคารราชการ อีกทั้งยังเตือนว่า อาจเกิดการโจมตีซ้ำอีกระลอก
ในวันเดียวกันก่อนหน้าเหตุโจมตีในเมืองโปครอฟสก์ มีรายงานจากทางการยูเครนว่า รัสเซียใช้ระเบิดนำวิถีโจมตีอีก 2 พื้นที่ในยูเครน คือเมืองเคอร์ซอนทางใต้และคาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือ และการโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายให้แก่อาคารที่พักอาศัยของพลเรือนเช่นกัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย
หนึ่งในสัญญาณจากรัสเซียว่า สงครามจะยังไม่จบลงง่ายๆ และรัสเซียยังคงมุ่งหน้าทำสงครามรุกรานยูเครนต่อไป
อีกสัญญาณที่เป็นที่สังเกตคือ ในช่วงที่ผ่านมา ทางการรัสเซียได้ปรับปรุงระบบการเกณฑ์ทหารเพื่อลดการหนีทหารและเพิ่มจำนวนกำลังพลที่จะไปรบในสงคราม รวมถึงปรับปรุงระบบสวัสดิการให้ดีขึ้นเพื่อสร้างแรงจูงใจ
ทางการรัสเซียแถลงว่ามีชาวรัสเซียกว่า 230,000 คนถูกเกณฑ์เข้ามารับราชการในกองทัพในปีนี้และนอกจากการเกณฑ์ทหารจะเกิดขึ้นในรัสเซียแล้ว ดูเหมือนว่าตอนนี้กองทัพรัสเซียอาจต้องการทหารจากที่อื่นๆ เพื่อส่งเข้าไปรบในยูเครนด้วย สังเกตได้จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อตะวันตกได้เปิดเผยว่ารัสเซียพยายามจ้างทหารจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง คาซัคสถาน
มีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ชาวคาซัคสถานพบป๊อปอัพโฆษณาเชิญชวนให้เข้าร่วมกับกองทัพรัสเซียบนหน้าเว็บไซต์ต่างๆ โดยระบุว่าหากเข้าร่วมกองทัพรัสเซียจะได้รับเงินก้อนใหญ่ทันที
รอยเตอร์ส ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า โฆษณาดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ชาวคาซัคสถานโดยตรง เพราะตัวโฆษณามีรูปธงชาติรัสเซียและคาซัคสถานพร้อมระบุข้อความว่า “พร้อมยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน”
รายละเอียดโฆษณา ระบุด้วยว่า หากเข้าร่วมกับกองทัพรัสเซียจะได้เงินก้อนแรก 5,300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 185,500 บาท และจะได้เงินเดือนอีกประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 70,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้จะไม่รวมผลประโยชน์ประเภทอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผยอีก
ทางสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า เจ้าของโฆษณาดังกล่าวคือสำนักงานพัฒนาทุนมนุษย์แห่งแคว้นซาคาลิน ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกไกลหรือ Far East ของรัสเซีย เนื่องจากป๊อปอัพโฆษณาได้เชื่อมต่อมายังหน้าเว็บของสำนักงานรัสเซียแห่งนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
สำนักงานพัฒนาทุนมนุษย์แห่งแคว้นซาคาลินที่รอยเตอร์สกล่าวถึงนี้ ได้ระบุข้อมูลไว้หน้าเว็บไซต์ว่า มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบการฝึกอบรมวิชาชีพขั้นสูงให้ประชาชนตามความต้องการของตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อไปสอบถามเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานแห่งนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการกล่าวว่าไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องโฆษณาได้ และไม่ตอบคำถามที่รอยเตอร์สส่งแยกไปทางอีเมล
ตอนนี้ทั้งรัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลคาซัคสถาน ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี หน่วยงานส่วนราชการในบางภูมิภาคของคาซัคสถาน เช่น แคว้นโคสตาไนทางตอนเหนือของประเทศที่ติดกับชายแดนรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านหน้าเว็บไซต์แล้ว โดยระบุว่าการระดมพลเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลคาซัคสถานและขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาดังกล่าว นอกจากนี้ ทางการของแคว้นโคสตาไนยังย้ำว่า การเข้าไปมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ในต่างประเทศโดยเจตนา รวมถึงการมุ่งปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังทางชาติพันธุ์ด้วยการใช้โซเชียลมีเดีย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาของคาซัคสถาน และมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี
ที่ผ่านมา แม้คาซัคสถานจะเคยเป็นหนึ่งในอดีตประเทศสหภาพโซเวียต แต่ประธานาธิบดีคาซึม โจมาร์ท โทคาเยฟ ผู้นำประเทศ ได้ออกมาแสดงจุดยืนเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในสงครามยูเครน ตลอดจนเรียกร้องสันติภาพอยู่เป็นระยะๆ และมีท่าทีผูกมิตรกับชาติตะวันตกมากขึ้น
คาซัคสถานเป็นประเทศที่รัสเซียอ้างว่าอยู่ภายใต้เขตอิทธิพลหรือ sphere of influence ของรัสเซีย มักอ้างว่าเป็นดินแดนที่
รัสเซียมีผลประโยชน์อยู่ และไม่ต้องการเสียอิทธิพลไป อย่างไรก็ตาม คาซัคสถานไม่ใช่ประเทศเดียวที่รัสเซียมองว่าอยู่ในเขตอิทธิพล อีกหนึ่งประเทศอดีตสหภาพโซเวียตที่รัสเซียพยายามรักษาอำนาจของตนไว้คือจอร์เจีย ซึ่งครั้งหนึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ที่รัสเซียใช้กำลังทางการทหาร ยกกองทัพบุกเข้าไปจ่อที่กรุงทบิลีซี ประเทศจอร์เจียเมื่อปี 2008
ภาพจากพิธีรำลึกครบรอบ 15 ปีของสงครามรัสเซีย-จอร์เจียหรือที่รู้จักกันในนามของสงคราม 5 วัน งานพิธีดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวานที่สุสานทหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากกรุงทบิลีซี โดยมีซาโลเม ซูราบิชวิลี ประธานาธิบดีจอร์เจีย รวมถึงกลุ่มนายทหารเข้าร่วมรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตไปในสงคราม หลังจากวางพวงมาลาที่จัดเป็นรูปธงชาติจอร์เจียหน้าอนุสรณ์แล้ว ประธานาธิบดีจอร์เจียได้กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า มีศัตรูที่กำลังต่อสู้กับจอร์เจียอยู่ และหากจอร์เจียต้องการเอกราชอย่างแท้จริง จะต้องตระหนักว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงและร่วมมือกันเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่ใช่สู้รบกันเอง
จากคำกล่าวอนุมานได้ว่าสำหรับจอร์เจีย รัสเซียคือศัตรูที่แท้จริงและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเซาท์ ออสเทเชียหันหลังให้รัสเซีย
ย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ 15 ปีก่อนหรือในปี 2008 นี่เป็นวันที่รัสเซียยกกองทัพเข้ารุกรานจอร์เจีย
จอร์เจียเป็นหนึ่งในประเทศที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตและได้รับเอกราชหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายไปเมื่อปี 1991 อย่างไรก็ตาม มีดินแดนสองแห่งของจอร์เจียที่พยายามปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งของจอร์เจีย นั่นคือคือเซาท์ ออสเทเชียและอับคาเซีย โดยเซาท์ ออสเทเชียและอับคาเซียเป็นบริเวณที่มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียอยู่ และรัสเซียก็ได้เข้าไปให้การสนับสนุนให้แยกตัวออกมาจากจอร์เจีย
หลังจากจอร์เจียผ่านการปฏิวัติกุหลาบและมิเคอิล ซาคาซวิลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดี อย่างหนึ่งที่ซาคาซวิลีพยายามผลักดันคือ จอร์เจียได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปและองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต นี่เป็นสัญญาณว่าจอร์เจียพยายามหันเข้าหาโลกตะวันตกมากขึ้น
แต่จุดพลิกผันเกิดขึ้นในปี 2008 หลังจากนาโตได้ออกมาประกาศท่าทีตอบรับในการประชุมสุดยอดผู้นำนาโตที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนียว่า จะเปิดทางให้จอร์เจียและยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโตได้ แม้ว่าจะไม่มีแผนการอย่างชัดเจนว่าจะเข้ารับเป็นสมาชิกจริงเมื่อไหร่ก็ตาม
นั่นทำให้รัสเซียภายใต้การนำของวลาดิเมียร์ ปูตินไม่พอใจอย่างมาก หลังจากความขัดแย้งตึงเครียดในเซาท์ ออสเทเซียไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ตลอดฤดูร้อนนั้น ในวันที่ 8 สิงหาคม 2008 รัสเซียตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางการทหารในเซาท์ ออสเทเซีย โดยเคลื่อนกำลังพลมาพร้อมรถถังจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการโจมตีทางอากาศด้วย รัฐบาลจอร์เจียพยายามส่งกำลังเข้าต่อต้าน แต่ก็เอาไม่อยู่ รัสเซียสามารถควบคุมเซาท์ ออสเทเซียได้ภายในหนึ่งวัน และมุ่งหน้าต่อไปยังกรุงทบิลีซี แต่รัสเซียหยุด
การโจมตีอยู่ที่เมืองกอรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทบิลีซีเพียงแค่ 88 กิโลเมตรเท่านั้น หลังจากนั้น 5 วัน หรือในวันที่ 12 สิงหาคม สงครามจบลงด้วยทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย และยังจบลงด้วยการประกาศตัวเป็นเอกราชของเซาท์ ออสเทเซียและอับคาเซีย อย่างไรก็ตาม สองดินแดนดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับในฐานะรัฐอธิปไตยตามกฎหมายระหว่างประเทศ
มีรายงานว่าตลอด 5 วัน มีประชาชนที่เสียชีวิตจากสงครามอย่างน้อย 390 ราย และมีคนที่ต้องพลัดถิ่นมากกว่า 100,000 คน
ปัจจุบัน 1 ใน 5 ของดินแดนจอร์เจียยังคงมีกองทัพรัสเซียอยู่แม้ว่าสงคราม 5 วันจะไม่ใช่สงครามเต็มรูปแบบ แต่สงครามก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่รัสเซียเลือกใช้เพื่อกดดันชาติที่รัสเซียอ้างว่าอยู่ภายใต้อิทธิพลของตน อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน แม้ว่าการใช้กำลังทางการทหารละเมิดอธิปไตยจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศก็ตาม