Search for:
  • Home/
  • /
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 – 2 ลิเวอร์พูล

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 – 2 ลิเวอร์พูล

โอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ กลับมาลงเล่นได้หลังจากต้องรอคอยอยู่นาน โดยลงเล่นในครึ่งแรกครบ 45 นาทีให้กับทีมสำรอง ซึ่งเป็นการลงสนามเป็นครั้งแรกในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 2004
ดาวยิงชาวนอร์เวย์ลงเล่นได้โดยไม่มีอาการบาดเจ็บเพิ่มเติม และน่าจะได้โอกาสลงเล่นให้กับทีมของเรเน่ เมลเลนสทีน อีกในเกมหน้าที่จะพบกับโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ในวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม การลงเล่นของโอเล่ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นกำลังใจให้กับทีมมากนัก และพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในลีกภายใต้การคุมทีมของเมลเลนสทีน
ความผิดพลาดของลุค สตีล ทำให้รามอน ชาล์ลิสต์ อดีตนักเตะทีมสำรองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำหลังจากเกมผ่านไปได้ 10 นาที ก่อนที่บีเซียง ไอดริซาจ ตัวสำรองจะโหม่งตอกย้ำชัยชนะในช่วงท้ายเกม
แฟนบอลแออัดอยู่ในสนามอีเวน ฟิลด์ส จำนวน 2,738 คน คิดเป็นประมาณ 3 เท่าของจำนวนคนดูเฉลี่ยในเกมทีมสำรอง และเหตุผลที่แฟนบอลเข้ามาดูมากเป็นพิเศษก็คือ การกลับมาของโซลชาร์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมนี้โดยมีสถิติชนะในเกมลีกมา 7 นัดรวด อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มต้นเกมนี้พวกเขากลับไม่ได้แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งถือเป็นรูปแบบการเล่นเฉพาะภายใต้การคุมทีมของเมลเลนสทีน
หลังจากการเริ่มต้นเกมที่เชื่องช้าของทั้ง 2 ทีม ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากชาล์ลิสต์ อดีตดาวรุ่งปิศาจแดง ซึ่งถูกปล่อยตัวออกไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และถูกทีมจากถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ดึงตัวเข้าร่วมทีมในทันที
เคร็ก แคธคาร์ท กองหลังดาวรุ่งวัย 16 ปี ที่ได้ลงประเดิมสนามในระดับทีมสำรองในนัดนี้ โหม่งคืนหลังแต่เบาเกินไป ทำให้สตีล ที่พยายามออกมาจะรับบอล แต่ตัวหลุดออกมานอกกรอบเขตโทษ จึงทำได้เพียงเตะบอลไปติดตัวชาล์ลิสต์ ซึ่งล้มตัวยิงสวนเข้าปากประตูโล่งๆ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำไปก่อน 1-0
ประตูนี้ที่ได้มาแบบขลุกขลักก็มีลักษณะเหมือนกับรูปแบบการเล่นของเกมนี้ที่เล่นกันได้อย่างย่ำแย่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานและไม่สามารถเล่นตามจังหวะของตัวเองได้ ในขณะที่ทีมเยือนก็พอใจที่จะรักษาสกอร์ที่นำอยู่เอาไว้และไม่ค่อยจะแสดงให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นอะไรเลยนอกจากตั้งรับไม่ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจาะเข้าไปได้
จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำอยู่ 1-0
เริ่มต้นครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนตัวเอาซิลแวน อีแบงค์ส เบล็ค ลงมาเล่นแทนโอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ ที่ยังไม่ฟิตเต็มที่
ถึงจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด ปิศาจแดง ก็บุกกดดันแผงกองหลังลิเวอร์พูล แต่พวกเขาก็ต้องถูกขัดขวางโดยพอล วิลลิส ผู้รักษาประตูทีมเยือนที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดนี้
ผู้รักษาประตูทีมชาติเยาวชนไอร์แลนด์เหนือปฏิเสธการทำประตูของซิลแวน อีแบงค์ส เบล็ค, เชราร์ด ปิเก้ และจูเซ็ปเป้ รอสซี่ ในครึ่งหลังด้วยการป้องกันที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าทีมของเมลเลนสทีน หงุดหงิดแทบจะทุกครั้งที่ขึ้นเกมบุก การประเดิมสนามของแคธคาร์ท ที่เล่นอย่างมั่นใจในแผงกองหลังก็ทำได้ดี
ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามอย่างหนักที่จะทำประตูตีเสมอให้ได้ ไอดริซาจ ตัวสำรองของลิเวอร์พูล ก็ได้จังหวะกระโดดขึ้นสูงกว่าแผงกองหลังเจ้าถิ่นโหม่งลูกเตะมุมเข้าไปตุงตาข่าย ก่อนหมดเวลาเพียง 4 นาที ทำให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำห่างเป็น 2-0
หลังจากนั้นก็ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จนจบเกม ครบ 90 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ลิเวอร์พูล ไปด้วยสกอร์ 0-2
การพ่ายแพ้ในนัดนี้เป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกในลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน แต่จะเป็นนัดแห่งความทรงจำในฐานะเป็นเกมที่โอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ เริ่มต้นก้าวแรกของการกลับคืนสู่การเล่นฟุตบอลอีกครั้ง
รายชื่อผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุค สตีล, แดนนี่ ซิมป์สัน, อดัม เอ็กเคอร์สลี่ย์, เคร็ก แคธคาร์ท, เชราร์ด ปิเก้, เดวิด ฟอกซ์ (เดวิด เกรย์ น. 78), มาร์คุส นอยมาร์, ริทชี่ โจนส์, โอเล่ กุนน่าร์ โซลชาร์ (ซิลแวน อีแบงค์ส เบล็ค น. 46), จูเซ็ปเป้ รอสซี่, ลี มาร์ติน (เคนนี่ คูเปอร์ น. 64)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้ ทอมมี่ ลี, ฟิล มาร์ช
DaKinG